×

Wealth Me Up ให้เงินทำงาน

ก้าวที่น่าจับตามองของ MAKRO

2,953

 

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…

Facebook | Line | Youtube | Instagram

 

[Wealth Me Up x Makro]
 
 
…จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus’s ในประเทศไทยและมาเลเซีย มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
…พร้อมเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) จำนวนรวมไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น
…ไปทำความรู้จักกับธุรกิจของ MAKRO และ Lotus’s ให้มากขึ้น รวมถึงก้าวที่น่าจับตามองของ MAKRO ในอนาคต
 
 
นับเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของวงการธุรกิจค้าส่ง (B2B) ค้าปลีก (B2C) ในบ้านเรา
หลังบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ได้รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus’s ในประเทศไทยและมาเลเซีย มูลค่ารวมประมาณ 2.2 แสนล้านบาท เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
 
 
พร้อมกับเดินหน้าเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) ในเร็วๆ นี้
…นั่นหมายความว่าก้าวต่อไปของ MAKRO ไม่ธรรมดาแน่นอน
 

 

MAKRO ผู้นำธุรกิจค้าส่งใหญ่อันดับ 2 ของเอเชีย

 

ต้องบอกว่า MAKRO เป็นผู้ค้าส่งแบบ B2B (Business to Business) ชั้นนำที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในทวีปเอเชียหากพิจารณาจากยอดขายรวมในปี 2563 โดยธุรกิจค้าส่งของ MAKRO แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 

 

  • ธุรกิจศูนย์จำหน่ายสินค้า ที่เน้นขายอาหารสด อาหารแห้ง และสินค้าอุปโภค แก่ลูกค้าที่เป็นร้านค้าปลีกรายย่อย ผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร และจัดเลี้ยง (HoReCa) และผู้ประกอบธุรกิจบริการ โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีสาขาทั้งหมด 145 สาขา แบ่งเป็นสาขาในประเทศไทย 138 สาขา และต่างประเทศ 7 สาขา ได้แก่ กัมพูชา 2 สาขา อินเดีย 3 สาขา (ภายใต้แบรนด์ “LOTS Wholesale Solutions”) จีน 1 สาขา และเมียนมา 1 สาขา 

 

  • ธุรกิจ Food Service จำหน่ายอาหารแช่แข็งและแช่เย็น พร้อมบริการด้านจัดเก็บแก่ลูกค้าหลักกลุ่มโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ร้านอาหารระดับบน โรงพยาบาล และสายการบิน โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ให้บริการในประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

 

Lotus’s ผู้นำธุรกิจค้าปลีกชั้นนำในไทยและมาเลเซีย

 

ขณะที่กลุ่ม Lotus’s เป็นผู้ค้าปลีกอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภคแบบ B2C (Business to Consumer) ชั้นนำในประเทศไทยและมาเลเซีย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีร้านค้าในประเทศไทยทั้งหมด 2,164 แห่ง ประกอบด้วย ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 222 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 192 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 1,750 แห่ง

 

รวมถึงยังมีการดำเนินธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าอีก 199 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 720,000 ตารางเมตร  (ไม่รวมศูนย์การค้าที่ลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท LPF รวม 23 แห่ง) โดยมีอัตราการเช่าพื้นที่ประมาณ 83%

 

ส่วน Lotus’s ในประเทศมาเลเซีย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564  มีสาขาทั้งหมด 62 แห่ง ประกอบด้วย ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 46 แห่ง และซูเปอร์มาร์เก็ต 16 แห่ง รวมถึงมีธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 57 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวมประมาณ 296,000 ตารางเมตร มีอัตราเช่าพื้นที่ประมาณ 92 %

 

 

เกิดอะไรขึ้นเมื่อ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus’s

 

หลังการรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus’s มาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน จะทำให้ MAKRO มีธุรกิจแบบครบวงจรครอบคลุม 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งแบบ B2B ธุรกิจค้าปลีกแบบ B2C และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทยและมาเลเซีย  

 

ที่สำคัญคือการยกระดับธุรกิจจากการเป็นผู้นำในประเทศไทยสู่การเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค เน้นจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง และสินค้าอุปโภค ประเทศในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) และอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ด้วยการวางกลยุทธ์นำเทคโนโลยีดิจิทัลและการผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (offline and online หรือ O2O) มาต่อยอดธุรกิจเพื่อตอบสนองความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของ COVID -19 ที่ทำให้ธุรกิจออนไลน์สินค้าอุปโภคในช่วงเวลานี้เติบโตอย่างโดดเด่น

 

 

ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งขึ้นของ MAKRO

 

นอกจากนี้การรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่ม Lotus’s จะทำให้ MAKRO มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือ Market Capitalization ที่ใหญ่ขึ้น และส่งผลให้ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งขึ้น จากการรับรู้รายได้ของกลุ่ม Lotus’s ที่มีสาขาอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและมีพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าจำนวนมาก  

 

โดยรายได้จากธุรกิจของ Lotus’s คิดเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญกับ MAKRO โดยคิดเป็นประมาณ 49% ของรายได้รวมเสมือน และประมาณ 64% ของ EBITDA รวมเสมือน (กำไรก่อนหักค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้) ของ MAKRO

 

 

MAKRO พร้อมเสนอขายหุ้น PO สยายปีกธุรกิจค้าส่งค้าปลีก

 

ทั้งนี้ MAKRO พร้อมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) รวมจำนวนไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 43.50 บาท ประกอบด้วย 

 

  • หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย MAKRO จำนวนไม่เกิน 910,000,000 หุ้น 

 

  • หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) จำนวนไม่เกิน 156,000,000 หุ้น 

 

  • หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (CPH) จำนวนไม่เกิน 156,000,000 หุ้น 

 

  • หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (CPM) จำนวนไม่เกิน 78,000,000 หุ้น 

 

อย่างไรก็ตาม MAKRO จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไป และจะมีการจัดสรรหุ้นสามัญบางส่วนจากหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ดังนี้ 

 

  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO (ยกเว้น CPALL บริษัทย่อยของ CPALL CPM และ CPH) ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย 

 

  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL (ยกเว้นกลุ่ม CPG หรือบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ตามแบบ 56-1 ประจำปี 2563 ของ CPALL) ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย 

 

  • ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF (ยกเว้นกลุ่ม CPG ตามแบบ 56-1 ประจำปี 2563 ของ CPF) ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย 

 

โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญในราคาเดียวกันกับราคาที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นของทั้ง 3 บริษัทที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร (Record Date) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564

 

นอกจากนี้ MAKRO อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 130,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายให้แก่ประชาชนในครั้งนี้  

 

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ MAKRO จะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ผู้จองซื้อรายย่อย โดยจะจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ด้วยระบบ SETTRADE โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ราย

 

  • แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารกรุงเทพ

 

  • แอปพลิเคชัน SCB EASY รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ

 

  • แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที 

 

ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ สามารถจองซื้อผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้น 2 ราย

 

  • แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารกรุงเทพ

 

  • แอปพลิเคชัน SCB EASY รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรรหรือเกินกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร ซึ่งทางกลุ่มบริษัทฯ เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO, CPALL และ CPF มีต่อกลุ่มบริษัท จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมนี้ ได้ทำการจองซื้อหุ้น MAKRO ตามสิทธิการถือหุ้น และเปิดโอกาสให้สามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิการถือหุ้นที่มีอยู่ได้อีกด้วย 

 

การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่ไม่แพงและเป็นราคาที่มีความเหมาะสมด้วยเหตุผล 4 ประการ ได้แก่

 

  •  นักลงทุนทุกกลุ่มจะได้จองซื้อในราคาเดียวกัน ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับจัดสรร ผู้จองซื้อรายย่อย นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors)

 

  •  ง่ายต่อการสื่อสารและการดำเนินการกับนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและผู้ถือหุ้นเดิม ที่มีสิทธิได้รับจัดสรร สามารถชำระเงินจองซื้อด้วยราคาเดียวกัน ทำให้ลดปัญหาเรื่องกระบวนการคืนเงินจองซื้อ

 

  •  นักลงทุนจะได้จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ในราคาเดียวกับราคา Swap Price (ราคาแลกเปลี่ยน) ในช่วงที่ บมจ.สยามแม็คโคร ออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จากบริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด เท่ากับเป็นการลงทุนเพื่อเริ่มเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ 

 

  • ราคาเสนอขาย 43.50 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 47 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 7.5% และต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 เดือน ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 48 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 9.3% 

 

ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้ไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 130 ล้านหุ้น ซึ่งทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เนื่องจากหลังสิ้นสุดการเสนอขายหุ้น PO จะมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เกินกว่า 15% ตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผลกระทบต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น (Control Dilution) ของผู้ถือหุ้นเดิม และอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้นของ MAKRO (EPS Dilution) น้อยกว่า กรณีที่มี Free Float เป็นจำนวนมากกว่านี้

 

ส่วนกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำมีจำนวน 14 ราย ได้ลงนามในสัญญา Cornerstone Placing Agreement แล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 423 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท 

 

ถือว่าจำนวนหุ้น PO ที่ MAKROเสนอขายในครั้งนี้มีจำนวนจำกัด จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่ผู้ถือหุ้นเดิมและประชาชนทั่วไป จะได้ร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจค้าส่ง B2B และธุรกิจค้าปลีก B2C เพื่อร่วมเติบโตไปด้วยกันในภูมิภาค

 

ข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 2090 9191 (ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.)

คำเตือน: การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน เนื้อหานี้ไม่ได้เป็นการชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้น-กองทุนนี้ 

Related Stories

amazon anti fatigue mats