×

Wealth Me Up ข่าวสั้น ทันเศรษฐกิจ

“ชีวิตที่ใช่” ในวัยเกษียณ

84

ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย

Youtube | Facebook | TikTokInstagramLine 

 

ใครๆ ก็อยากเกษียณสบาย…แต่การเริ่มต้นวางแผนทางการเงินในวัย 40 หรือ 50 อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่ามันน่าจะ “สายเกินไป” และโอกาสที่จะได้ใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายให้สุขสบายคงเป็นไปได้ยาก หรืออาจไม่มีทางเป็นจริงได้ 

 

แต่ “พี่ก้อย” คุณวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ นักวางแผนการเงิน CFP® มองว่านี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะ “เริ่มเมื่อไรก็ไม่สาย แค่ต้องเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้นเอง แล้วก็พร้อมที่จะเหนื่อยหรือไม่ ถ้าพร้อมก็ลุยเลย”

 

การศึกษาจาก Northwestern Mutual แสดงให้เห็นว่า 34% ของผู้ที่เริ่มวางแผนการเงินหลังอายุ 40 ปี สามารถบรรลุเป้าหมายการเกษียณได้ หากมีการวางแผนที่ดีและมีวินัย สำหรับผู้ที่กังวลเรื่องความรู้ความเข้าใจในการลงทุน พี่ก้อยแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นนักวางแผนการเงินมืออาชีพ หรือที่ปรึกษาการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ “เพราะไม่มีใครรู้ไปทุกเรื่อง” และจากประสบการณ์ในฐานะนายกสมาคมนักวางแผนการเงินไทยคนแรก พี่ก้อยสังเกตว่าคนที่ประสบความสำเร็จมักมีลักษณะร่วมกันคือ

 

  • มีเป้าหมายชัดเจน
  • กล้าขอคำปรึกษา
  • พร้อมลงมือทำทันที
  • มีความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ

 

ในทางตรงกันข้าม ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย

  • เป้าหมายไม่ชัดเจน
  • ไม่กล้าขอคำแนะนำ
  • ผัดวันประกันพรุ่ง
  • ขาดการวางแผนที่เป็นระบบ

 

การจัดลำดับความสำคัญของเป้าหมายทางการเงินในยุคปัจจุบันอาจดูเหมือนเป็นภูเขาลูกใหญ่ ทั้งการออมเงิน การซื้อบ้าน หรือแม้แต่การเริ่มต้นธุรกิจ  ซึ่งพี่ก้อยอธิบายว่า การจัดลำดับความสำคัญเป็นเรื่องเฉพาะตัว ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว

 

การวิเคราะห์ของ McKinsey & Company พบว่า คนที่ประสบความสำเร็จทางการเงินมักเริ่มต้นจากการจัดลำดับความสำคัญที่ชัดเจนและยืดหยุ่น โดยคำนึงถึงปัจจัย 3 ประการ

 

1. ความต้องการและความฝัน

2. ทรัพยากรที่มีอยู่

3. ความเป็นไปได้ในการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าท้ายที่สุดแล้วทุกคนต้องเลือกเส้นทางของตัวเอง บางคนอาจให้ความสำคัญกับการศึกษาก่อน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ ขณะที่บางคนอาจใช้ความสามารถพิเศษสร้างรายได้เสริมควบคู่ไปกับงานประจำ ไม่มีทางไหนผิดหรือถูก ตราบใดที่มีแผนชัดเจนและมุ่งมั่นทำตามแผนนั้น

 

การวางแผนการเงิน คือการวางแผนชีวิต 

 

“ต้องเริ่มจากการนิยามความสุขให้ชัดเจน แปลงเป็นตัวเลขได้” นี่คือสิ่งที่พี่ก้อยย้ำ เช่น ถ้าความสุขคือการได้ทานอาหารดีๆ ต้องระบุให้ชัดว่าหมายถึงมื้อละเท่าไหร่ เพราะคำว่า “ดี” ของแต่ละคนไม่เท่ากัน นอกจากนี้ พี่ก้อยยังแนะนำให้มองหาทางเลือกที่สร้างสรรค์ เช่น การทำ DIY ซึ่งนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังสร้างความภาคภูมิใจและอาจกลายเป็นแหล่งรายได้ใหม่ได้ โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ การทำงานด้วยมือและสมองยังช่วยชะลอความแก่และรักษาสุขภาพจิตได้อีกด้วย

 

สมดุลชีวิตและการเงิน

 

ในยุคที่หลายคนต้องทำงานหลายอย่างเพื่อสร้างรายได้ พี่ก้อยให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมกัน “เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ แต่ต้องเริ่มจากสุขภาพกายก่อน สุขภาพกายและจิตใจมีความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก การดูแลสุขภาพกายที่ดีส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพจิต”

 

สำหรับการดูแลจิตใจ พี่ก้อยแนะนำการทำสมาธิ ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยจาก Mayo Clinic ที่พบว่า การทำสมาธิช่วยลดความเครียดและวิตกกังวลได้ถึง 40% “เทคนิคการหายใจลึกๆ ยังช่วยให้จิตใจสงบและผ่อนคลายได้ดี”  

 

การลงทุนใน ‘ตัวเอง’

 

พี่ก้อยมองว่าการลงทุนไม่ได้จำกัดแค่เรื่องเงิน แต่ต้องลงทุนในชีวิตด้วย ทั้งการลงทุนในสุขภาพและการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยเฉพาะในยุคดิจิทัล 

 

เมื่อชีวิตเผชิญ ‘ความท้าทาย’ 

 

พี่ก้อยแนะนำให้นึกถึง Role Model เช่น ในช่วงวิกฤติปี 2540 ก็นึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงงานหนักเพื่อประชาชน เป็นแรงบันดาลใจให้สู้ต่อ “พระองค์ท่านต้องดูแลประชาชนตั้ง 60 กว่าล้านคน เราดูแลพนักงานไม่กี่ร้อยคน เพราะฉะนั้น เราต้องมีกำลัง ใจสู้ต่อ คือ คิดถึงอะไรก็ได้ที่ให้กำลังใจ” พี่ก้อย อธิบาย

 

พี่ก้อยเน้นย้ำว่า การเผชิญอุปสรรคเป็นเรื่องปกติ เช่น เมื่อมีเหตุฉุกเฉินในครอบครัว สิ่งสำคัญคือต้องกลับเข้าสู่เส้นทางการออมและการลงทุนให้เร็วที่สุด “ถึงเวลากลับเข้ามาอยู่เส้นทางเดิม คือ ออมเงินต่อ” แต่หากควบคุมตัวเองไม่ได้ พี่ก้อยแนะนำให้หา “ตัวช่วย” เช่น บัญชีที่ถอนยาก หรือการสร้างระบบออมอัตโนมัติ

 

เคล็ดลับ ‘ความสุข’ หลังเกษียณ

 

หลายคนกังวลว่าเงินที่มีจะพอใช้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิตหรือไม่ พี่ก้อยมีเคล็ดลับง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แม้จะอายุมากแล้วหารายได้เพิ่มยาก แต่สามารถยืดเงินที่มีให้อยู่นานขึ้นได้ด้วยการเริ่มจากลดรายจ่าย “ประหยัด 1 บาท เท่ากับหาได้ 1 บาท” พี่ก้อย ย้ำ พร้อมแนะนำการจัดการสภาพคล่อง โดยแบ่งเงินเป็นส่วนๆ ดังนี้

 

1. เงินใช้จ่าย 3–6 เดือน เก็บไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน 

2. เงินที่เหลือนำไปลงทุนต่อ เช่น ซื้อพันธบัตรระยะยาว

 

และ “อย่ากลัวที่จะใช้เงินต้น” เพราะมันเป็นเงินของเรา แค่ต้องวางแผนให้ดีว่าจะใช้อย่างไรให้อยู่กับเรานานๆ แม้แค่ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น 1% ก็ช่วยให้มีรายได้งอกเงยได้

 

ท้ายที่สุดแล้วชีวิตคนเราต้องมีความยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ หากสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่เป็นไปตามแผน พี่ก้อยแนะนำให้ปรับกลยุทธ์ เช่น เลื่อนอายุเกษียณ หารายได้เพิ่ม ปรับลดค่าใช้จ่าย และปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต 

 

บทสรุปการเริ่มต้นวางแผนเกษียณไม่ว่าจะเริ่มในช่วงวัยไหนก็ดีกว่าการที่ไม่เริ่มเลย เพียงแต่การเริ่มช้าก็อาจจะต้องเหนื่อยกว่า และต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้นเท่านั้นเอง และสิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าการวางแผนการเงินคือการวางแผนชีวิต ถ้าต้องการชีวิตที่ดี ชีวิตที่สุขสบายในวัยเกษียณ ก็ต้องเริ่มวางแผนและลงมือทำตั้งแต่วันนี้ 

 

#WealthMeUp

 

Related Stories

amazon anti fatigue mats