‘แบ่งปัน’ วันละนิด! แก่ช้า…อายุยืน
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
เคยได้ยิน “ดัชนีประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกกันหรือไม่?” ซึ่งในปี 2022 พบข้อมูลที่น่าสนใจว่า ตั้งแต่เกิดโควิด-19 มา คนทั่วโลกบริจาคให้การกุศลมากขึ้น ช่วยเหลือคนแปลกหน้ามากขึ้น และทำงานอาสาสมัครมากขึ้นด้วย หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิดหรือในปี 2020
พูดถึงการ “ให้” ไม่ว่าจะให้อะไร ให้น้อยหรือให้มาก หรือแค่สละเวลาเล็กๆ น้อยๆ ของตัวเองให้กับคนอื่น ช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ก็ดีต่อทั้งคนรับและคนให้ทั้งนั้น
ผลวิจัยบอกว่า เวลาที่เราใจดีช่วยเหลือคนอื่น สมองจะหลั่ง “ฮอร์โมนอ๊อกซิโทซิน” (Oxytocin) หรือฮอร์โมนความรักออกมา ซึ่งช่วยลดความดันโลหิตและทำให้สุขภาพหัวใจโดยรวมของเราดีขึ้น ฮอร์โมนนี้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตัวเองและทำให้เรามองโลกในแง่ดี ซึ่งเป็นประโยชน์มากๆ เวลาที่เรารู้สึกกลัวหรืออายที่จะเข้าสังคม
การวิจัยของ Greater Good Science Center แห่ง University of California, Berkeley ระบุว่า กลุ่มตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่งบอกว่า พวกเขารู้สึกแข็งแรงและมีพลังมากขึ้นหลังจากได้ช่วยเหลือคนอื่น
ความใจดีเอื้อเฟื้อต่อคนอื่นยังช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนิน (Serotonin) ออกมา ซึ่งสารสร้างความสุขนี้จะช่วยเยียวยาอาการบาดเจ็บ ทำให้เรารู้สึกจิตใจสงบ และมีความสุข
เท่านั้นยังไม่พอ ความใจดีช่วยเหลือคนอื่นยังทำให้คนให้อายุยืนมากขึ้น ซึ่งคนเขียนหนังสือ “Raising Happiness; In Pursuit of Joyful Kids and Happier Parents” พบว่า คนที่เป็นอาสาสมัครมักมีความเจ็บปวดน้อยกว่าคนทั่วไป และคนที่อายุตั้งแต่ 55 ปีขึ้นไป ที่ทำงานอาสาสมัครให้กับองค์กรการกุศล 2 แห่งขึ้นไปมีโอกาสที่จะเสียชีวิตเร็วน้อยลง 44%
ความใจดีของคนเรายังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย เพราะคนใจดีนั้น ร่างกายจะหลั่ง “ฮอร์โมนคอร์ติซอล” (Cortisol) หรือฮอร์โมนความเครียด น้อยกว่าคนทั่วไป 23% และแก่ช้ากว่าคนทั่วไปด้วย
จะเห็นได้ว่า ความใจดี รู้จักแบ่งปันช่วยเหลือคนอื่นดีต่อตัวเราเองมากแค่ไหน และเป็นสิ่งที่เราทำได้ง่ายๆ เช่น แชร์ความรู้ แบ่งปันสิ่งของ สละเวลาช่วยเหลือคนอื่น รวมไปถึงการบริจาคเงินและสิ่งของต่าง แถมความใจดียังคล้ายกับโรคติดต่อเหมือนกัน เพราะเวลาที่มีใครใจดีช่วยเหลือเรา เราก็มีความสุข คนที่ได้เห็นก็มีความสุข และอยากจะช่วยเหลือคนอื่นต่อไป
บางทีการเต็มใจช่วยเหลือใครสักคนของเราในวันนี้แม้เพียงนิดหน่อย แต่อาจถูกใจใครอีกหลายคน และทำให้อาจอยากเป็น “ผู้ให้” ด้วยเหมือนกันหากมีโอกาส Pay It Forward สังคมเราก็จะมีความสุขมากขึ้น