เปย์อย่างไร ให้ได้ทั้ง “ความสุข” ได้ทั้ง “ลงทุน”
ใช้แรงทำเงิน & ให้เงินทำงาน กด Subscribe รอเลย…
Facebook | Line | Youtube | Instagram
หลังจากทำงานหนักมาทั้งปี เมื่อถึงเวลาก็ต้องให้รางวัลกับตัวเองบ้าง หากพูดถึงของขวัญของรางวัลก็ต้องเป็นของที่เราอยากได้จริง ๆ แต่ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ น่าจะต้องดูในแง่ความคุ้มค่าด้วย เพื่อให้ของขวัญมอบทั้งความสุขทางใจและต่อยอดเป็นการลงทุนได้อีกด้วย
ในโลกของการลงทุนนอกจากสินทรัพย์ทางการเงินที่เราคุ้นเคยกันอยู่แล้ว เช่น หุ้น ตราสารหนี้ หรือกองทุนรวม ยังมีการลงทุนอีกแบบหนึ่งที่เรียกว่า Passion Investment คือการซื้อของบางอย่างจากความชื่นชอบเพื่อใช้งานหรือเก็บสะสม และนับเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้ได้เช่นกัน ซึ่งเมื่อมองเป็นการลงทุนนั้นจะต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้งานและเก็บรักษา รวมทั้งการศึกษาข้อมูลว่ามีหลักในการเลือกซื้ออย่างไรบ้าง ลองมาดูตัวอย่างกัน
เครื่องประดับเพชร
เครื่องประดับที่ประกอบด้วยเพชร ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีทั้งความสวยงาม มีคุณค่าทางใจ และมีแนวโน้มที่มูลค่าจะสูงขึ้นในระยะยาว สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ จึงถือเป็นทางเลือกการลงทุนอีกแบบหนึ่งที่น่าสนใจโดยเฉพาะผู้ที่ชื่นชอบอัญมณีชนิดนี้อยู่แล้ว
การเลือกซื้อเพชรด้วยหลัก 4C เป็นการดูลักษณะของเพชร 4 อย่าง ประกอบด้วย
- Carat – น้ำหนักของเพชร โดยเพชร 1 กะรัตมีน้ำหนัก 0.2 กรัม หรือเท่ากับ 100 สตางค์ เพชรยิ่งขนาดใหญ่ก็ยิ่งหายาก ทำให้เพชรที่ขนาดใหญ่ขึ้นราคาจะสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด
- Colour – สีหรือน้ำของเพชร เป็นตัวบอกความขาวของสีเพชร ยิ่งเป็นเพชรขาวที่เรียกว่าเพชรน้ำ 100 หรือ D Colour ยิ่งราคาสูง
- Clarity – ความสะอาดของเพชร เป็นตัวบ่งบอกว่าเพชรมีตำหนิมากหรือน้อย ตำหนิใหญ่หรือเล็ก และอยู่ในจุดที่เห็นชัดหรือไม่
- Cut – การเจียระไน เป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพในการเจียระไน ในแง่พื้นผิว สัดส่วน และความสมมาตร ที่จะทำให้เพชรประกายแสงได้ดีที่สุด
สำหรับเพชรที่เหมาะแก่การลงทุนนั้น ควรเลือกเพชรที่มาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เป็นสากล เช่น GIA หรือ HRD ซึ่งจะรับรองคุณภาพของเพชรที่มีขนาดตั้งแต่ 0.3 กะรัตขึ้นไปด้วยหลัก 4C อย่างที่กล่าวถึงข้างต้น และทำให้เพชรมีความคล่องตัวในการขายต่อในอนาคต
กระเป๋าแบรนด์เนม
การลงทุนทางเลือกที่น่าจะตอบโจทย์สำหรับสายแฟชั่น ที่นอกจากจะได้ซื้อ ได้ใช้กระเป๋าที่ชอบแล้ว ยังสามารถนำมาขายต่อ และสร้างผลตอบแทนได้ด้วย
ในการเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมสำหรับลงทุน อันดับแรกที่ควรพิจารณาคือแบรนด์ ควรเลือกแบรนด์ที่มีนโยบายชัดเจนว่าไม่มีการทำโปรโมชันโดยการลดราคาเด็ดขาด และอาจมีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะทำให้กระเป๋าที่ซื้อมานั้นสามารถขายต่อได้ในราคาที่อาจจะสูงกว่าราคาที่ซื้อมา
นอกจากนี้ รุ่นของกระเป๋าเป็นอีกปัจจัยที่ต้องศึกษา เพราะไม่ใช่สินค้าทุกรุ่นของแบรนด์ดังจะได้รับความนิยมและรักษาราคาให้สูงได้ตลอดเวลา รุ่นคลาสสิกของแต่ละแบรนด์มักจะเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอและมีการออกแบบให้สามารถใช้งานได้ง่ายกว่าจึงเหมาะแก่การลงทุนมากกว่า ในขณะที่กระเป๋าฮิตตามกระแส หรือ กระเป๋า Vintage อาจมีความนิยมบางช่วงเวลา การเลือกลงทุนในกระเป๋าประเภทนี้จึงต้องรอจังหวะเวลาหากอยากขายให้ได้ราคาดี
ทั้งนี้ควรศึกษาแหล่งซื้อขายที่เชื่อถือได้ รวมทั้งเก็บอุปกรณ์ กล่อง การ์ด หรือใบเสร็จต่าง ๆ ที่มาพร้อมกับกระเป๋า เพราะเป็นสิ่งที่ผู้รับซื้อมักพิจารณาประกอบการตัดสินใจหรือตีมูลค่าด้วยเช่นกัน
เครื่องประดับทอง
เครื่องประดับที่ประกอบด้วยโลหะมีค่าถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่น่าลงทุน โดยเฉพาะทองคำซึ่งเป็นแร่โลหะชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติทั้งในด้านความสวยงาม ความคงทน สามารถใช้เป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งความหายาก ด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวเหล่านี้ ทำให้ทองคำยังคงรักษามูลค่าในตัวของมันเองมาจนถึงปัจจุบัน จึงถูกนำมาใช้ในการสะสมความมั่งคั่ง รวมทั้งทำกำไรจากการปรับขึ้นลงของราคา
สำหรับเครื่องประดับที่ทำจากทองซึ่งให้ประโยชน์ทั้งในแง่การใช้งานและการลงทุนถูกจัดว่าเป็นทองรูปพรรณ เช่น สร้อย แหวน กำไร ต่างหู เป็นต้น ซึ่งมีการออกแบบที่หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานในหลายโอกาส
ทองรูปพรรณสามารถเลือกซื้อได้ตามน้ำหนักทอง ซึ่งมักกำหนดเป็นบาท ทองรูปพรรณ 1 บาท มีน้ำหนัก 15.16 กรัม ราคาในการซื้อขายมักขึ้นลงตามปัจจัยต่าง ๆ ทั้งราคาทองในตลาดโลก ค่าเงินบาทเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ รวมทั้งค่ากำเหน็จของทองแต่ละแบบ และเนื่องจากการสวมใส่อาจทำให้เกิดการสึกกร่อนได้ เมื่อมีการขายคืนร้านทองมักมีการหักค่าเสื่อม ทองรูปพรรณจึงเหมาะแก่การลงทุนระยะยาวมากกว่าระยะสั้น
โมเดลฟิกเกอร์
โมเดลฟิกเกอร์คือของเล่นหรือของสะสมที่เป็นแบบจำลอง ซึ่งอาจเป็นได้ตั้งแต่โมเดลรถหรู เครื่องบิน เรือรบ รวมทั้งคาแรกเตอร์จาก ภาพยนตร์ อนิเมะ หรือ เกมต่าง ๆ นอกจากมอบความสุขในการเก็บสะสมแล้ว ยังถือเป็นงานอดิเรกได้ เพราะตัวโมเดลจะมาในรูปแบบชิ้นส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ผู้ซื้อได้ลงมือประกอบและลงสีด้วยตัวเอง
ด้วยความสมจริงของโมเดล และความละเอียดของการสร้างชิ้นงาน ทำให้เป็นของเล่นที่มีราคาค่อนข้างสูง และมีตลาดในกลุ่มผู้ที่ต้องการสะสมของเหล่านี้ให้ครบเป็นคอลเลกชัน ยิ่งถ้าเป็นของ Limited Edition ที่หายาก หรือไม่มีการผลิตขึ้นใหม่แล้ว บางรุ่นราคาอาจขึ้นไปถึงหลักหมื่นหลักแสนได้เลยทีเดียว โมเดลฟิกเกอร์จึงเป็นของสะสมที่มีมูลค่าและสามารถทำกำไรให้ได้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนเช่นกัน
นอกจากตัวอย่างที่เรายกมาแล้วยังมีของสะสมอีกหลายชนิดที่สามารถซื้อมาเพื่อเก็บสะสมและต่อยอดเป็นการลงทุนได้ ข้อมูลจาก Knight Frank บริษัทที่ปรึกษาด้านการลงทุนระดับโลกพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาของสะสมที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ได้แก่ วิสกี้หายาก รถคลาสสิก ไวน์ และ กระเป๋า